วันเสาร์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2551

"Anne Frank" Prey of War's Sign


Hello, everyone


Here again with Cogitorism ^^



This week was very interesting because I'll invite you to meet a young girl who are very famous,



she is 'Anne Frank'


Before I give you some information about her, I'd like to share my own experience from the last Thursday (August 28,2008) there are the show from Netherlands and most of the actresses is a acting teacher from Netherlands High-school and Mime School. They came to my University to performed the story about Anne Frank and it was so great!
the story was not said directly about Frank but they use her as the sign of children who are suffering from war or child labor and some nonsense rules that make this kind of children cannot do anything they want. So they asked us to fight for our rights and be brave to stand up and face with the world! what the great thing it is! ^^ I like that kind of stuff, Ha Ha

So, I think we should know about Anne Frank a little bit. Let's go!





Annelies Marie "Anne" Frank (June 12, 1929–early March 1945) was a Jewish girl born in the city of Frankfurt am Main in Weimar Germany. She gained international fame posthumously following the publication of her diary which documents her experiences hiding during the German occupation of the Netherlands in World War II.

Anne and her family moved to Amsterdam in 1933 after the Nazis gained power in Germany, and were trapped by the occupation of the Netherlands, which began in 1940. As persecutions against the Jewish population increased, the family went into hiding in July 1942 in hidden rooms in her father Otto Frank's office building. After two years, the group was betrayed and transported to concentration camps. Seven months after her arrest, Anne Frank died of typhus in the Bergen-Belsen concentration camp, within days of the death of her sister,

Margot Frank. Her father Otto, the only survivor of the group, returned to Amsterdam after the war to find that her diary had been saved, and his efforts led to its publication in 1947. It was translated from its original Dutch and first published in English in 1952 as The Diary of a Young Girl.

The diary, which was given to Anne on her 13th birthday, chronicles her life from June 12, 1942 until August 1, 1944. It has been translated into many languages, has become one of the world's most widely read books, and has been the basis for several plays and films. Anne Frank has been acknowledged for the quality of her writing, and has become one of the most renowned and most discussed victims of the Holocaust.


This is just the brief story about this young girl, Anne Frank. For more information I'd like to invite you to see her at Anne Frank Museum



Special Thanks

http://en.wikipedia.org/wiki/Anne_Frank

http://www.annefrank.org/content.asp?pid=1&lid=2



ปาท่องโก๋ @ สภาชาเย็น

วันพุธที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2551

ล่องใต้: Let's go to Similan!


ไหน๊ เถียวเล (ไปไหน ไปเที่ยวทะเล)

หมู่เกาะสิมิลันสวรรค์บนดิน ท่องถิ่นเมืองใต้

สัปดาห์ นี้ cogito ขออาสา พาทุกท่านที่มาเยี่ยมชม เว็บไซต์ ของเรา ไปล่องใต้ที่ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน ตำบลเกาะพระทอง อำเภอคุระบุรี จังหวัดพังงาซึ่งกำลังเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวทั้ง ชาวไทย และชาวต่างประเทศ

เยี่ยมชมและดื่มด่ำธรรมชาติที่ยังคงความวิจิตรงดงาม ท้องทะเลสีฟ้าครามใส ที่มีหมู่ปลาน้อยใหญ่กำลังแหวกวาย หยอกล้อ เล่นกันอย่างสนุกสนาน รวมถึง ปะการังและสาหร่ายทะเล ที่เคลื่อนไหวภายใต้สายน้ำ คอยสร้างสมดุลของวงจรชีวิตใต้ทะเล หาดทรายขาวละเอียด ที่เนียนนุ่ม เมื่อแรกสัมผัส อีกทั้ง ความเป็นอยู่ที่เรียบง่าย กับการพึ่งพาธรรมชาติ ของชาวใต้ มิตรภาพและรอยยิ้ม สิ่งต่างๆ เหล่านี้ มักสร้างความประทับใจแก่ผู้มาเยือนได้เสมอ


หมู่เกาะสิมิลัน








หมู่เกาะสิมิลันหมู่เกาะกลางทะเลอันามันที่เป็นเลิศในความงามของปะการังแห่งหนึ่งของโลก สิมิลัน

เป็นภาษายาวีหรือมลายู แปลว่า เก้าชาวประมงบางคนจึงเรียกว่า หมู่เกาะเก้า ประกอบด้วย เกาะใหญ่น้อย 9 เกาะด้วยกัน เรียงตัวตามแนวทิศเหนือไปทิศใต้ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลันประกอบด้วย เกาะบอน เกาะบางู เกาะสิมิลัน เกาะปายู เกาะห้า เกาะเมียง เกาะปาหยัน เกาะปายัง และเกาะหูยง




น้ำทะเลสีฟ้าใส มองผ่านผิวน้ำเห็นแนวปะการังน้ำตื้นอันสวยงาม


ตัวนี้ไม่ใช่ไก่นะคะ เค้าเรียกว่า " นกชาปีไหน " เป็นนกประจำถิ่นของทางอันดามันนี้ล่ะ ที่พบมีเพียง 2 เกาะเท่านั้น คือ เกาะสิมิลัน และ เกาะสุรินทร์ หากินอยู่ตามพื้นดิน มากกว่าบนต้นไม้ มีสีเขียวออกดำเป็นเงาวาว มีขนยาวที่แผงคอ เรียกว่า "สร้อยคอ" สวยน่ารักมากๆเลย ^^




เจ้าตัวนี้ คือ ปูไก่ จะออกหากินตอนกลางคืน

มีเสียงร้องคล้ายลูกไก่ ว้าวว Unseen in Thailand










ลึกลงใต้ผืนน้ำคือโลกใต้ทะเลที่งดงามสร้างความประทับใจแก่นักดำน้ำ

ด้วยหมู่ปะการังหลากสีหลายชนิด ทั้งปะการังเขากวาง ปะการังดอกเห็ด และดอกไม้ทะเล

เป็นที่อาศัยของฝูงปลาน้อยใหญ่มากมาย ตั้งแต่ปลาการ์ตูน ปลาสลิดหิน ปลาไหลทะเล

ปลาสาก ปลาฉลาม ไปจนถึงกระเบนราหูและเต่าทะเล

จากความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติประกอบกับความใสของน้ำทะเล

ทำให้มีทัศนวิสัยในการดำน้ำลึกที่ดีมาก

โลกใต้ทะเลแห่งนี้จึงดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยือนและมาอีกครั้งด้วยเสน่ห์แห่ง

"หมู่เกาะสิมิลัน"















"ภาพยามอาทิตย์เหนือเส้นของฟ้า ณ สิมิลัน ใครได้ไปสัมผัสถือว่าคุ้มค่ามากจริงๆสำหรับการเดินทาง"



ปิดฤดูการท่องเที่ยว ตั้งแต่วันที่ 16 พฤษภาคม - 14 พฤศจิกายน ของทุกปี

เปิดฤดูการท่องเที่ยว ตั้งแต่วันที่ 15 พฤศจิกายน - 15 พฤษภาคม ของทุกปี


ท่าเรือ/ท่าเทียบเรือ
ท่าเทียบเรือ จำนวน 1 แห่ง บริเวณ บ้านทับละมุ (ท่าเทียบเรือทับละมุ)


********


บางสิ่งบางอย่างที่คงไว้ซึ่งความเป็นธรรมชาติ ย่อมมีคุณค่าในตัวของมันเอง


ธรรมชาติ สรรสร้างทุกสิ่งที่สวยงามบนโลก

มนุษย์ ไม่ใช่เจ้าของธรรมชาติ

มนุษย์ ไม่ใช่เจ้าของโลก

มนุษย์ ไม่ควรทำลายธรรมชาติ


ขนมปังสังขยา – cogito – ‘I think therefore I am’

ขอขอบคุณ

http://www.moohin.com/067/067k001.shtml

http://www.tat.or.th/travelplace.asp?prov_id=83

http://www.thai-tour.com/place_recommended/main_similan.htm

www.weekendhobby.com/.../Question.asp?ID=3683


วันอาทิตย์ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

Olympic to Beijing 2008

The Beijing 2008 Olympic Games









This week, we would like to present Olympic 2008 at Beijing. Now it is very popular. In the pass time, the host has many problems about the Olympic torch relay such as protestation the Olympic torch in countries. But their problems passed. Currently we think everyone is waiting for Olympic 2008 which will occur August 8-24, 2008. And we would like to show you the colorful of the Beijing 2008 Olympic Games in the concept of green Olympic. And the slogan of Olympic Games 2008 is “One World One Dream”





Firstly, the wonderful and attractive place which is the National stadium as well-know is “Bird Nest” which welcomes guests from worldwide. This stadium will uses for opening and closing ceremonies, athletes and men’s football and the next one is the" Water Cube" which is the national aquatics center. It uses for swimming, diving and synchronized swimming. They are very beautiful and amazing.




Secondly, the colorful of Olympic Games is the mascot. The mascot of Beijing 2008 Olympic Games is Fuwa(means good luck dolls.) There are 5 Fuwa : Beibei, Jingjing, Huanhuan, Yingying, and Nini carrying a massage of friendship and peace and good wishes from China to children around the world.




Lastly, the Olympic Torch relay which is the pride of a person was a torchbearer. The Olympic Torch relay will go to many countries to be the sign of Olympic Games 2008.







After Beijing Olympic Games finished, the next is Beijing Paralympic Games 2008 in September 6th -17th,2008.




***Olympic Games are coming soon August 8th - 24th, 2008. Do not forget to cheer Thai.

วันจันทร์ที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

กระแสธารน้ำใจ หลั่งไหลจากทั่วโลก

กี่ครั้งกี่ครา.....ที่พายุนั้นได้เข้ามาทำลายมนุษยชาติ นำมาซึ่งความเสียหายมากจนไม่สามารถตีราคาออกมาได้ ไม่ว่าจะเป็นในแง่ของทางจิตใจ เศรษฐกิจ ความมั่นคงทางด้านการเมือง ฯลฯ ล้วนแต่เป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้บ้านเมืองเกิดความมั่นคงและสงบสุข แต่มนุษย์เรานั้นก็ยังไม่หยุดที่จะทำลายธรรมชาติ จึงไม่แปลกที่ธรรมชาติจะมาทวงคืนในสิ่งที่สูญเสียไป ....





เมื่อ .... บ้านเมืองได้ถูกทำลายอย่างไม่ได้ตั้งใจโดยฝีมือของผู้ที่คาดการณ์ไม่ได้อย่างธรรมชาตินั้น ความเสียหายที่เกิดตามมานั้นจึงไม่สามารถคาดการณ์ได้เช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น เหตุการณ์ล่าสุดที่เกิดกับเพื่อนบ้านของเรา พายุไซโคลนนาร์กิส .....




พายุไซโคลนนาร์กิสได้พัดถล่มเข้าที่เมืองย่างกุ้งของประเทศพม่า ประชาชนจำนวนหลายล้านคนประสบกับความทุกข์ยากลำบากอย่างหนัก นี่ยังไม่ได้รวมถึงผู้เสียชีวิตและก็ผู้สูญหาย อีกทั้งพื้นการเกษตรที่เคยใช้ประกอบอาชีพก็เสียหายหมด แล้วใครกันเล่า ที่จะสามารถรับผิดชอบเรื่องนี้ได้ นอกเสียจากรัฐบาลของประเทศพม่า


ในช่วงเวลาที่ประเทศพม่าถูกพายุไซโคลนนาร์กิสถล่มนั้นเกิดได้ความวุ่นวายภายในประเทศพอสมควร เนื่องจาก ณ ช่วงเวลานั้นประเทศพม่าได้จัดการเลือกตั้งลงประชามติรัฐธรรมนูญฉบับใหม่จึงทำให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยต่างๆนั้นไม่ได้รวดเร็วและฉับพลันพอ ส่งผลให้การกู้ภัยต่างๆดำเนินไปอย่างช้าๆ นานาประเทศและยูเอ็นจึงไม่รอช้าที่จะส่งความช่วยเหลือ แต่ก็ต้องรอต่อไปเนื่องจาก ณ ตอนนั้น รัฐบาลยังไม่อนุญาตให้ผ่านวีซ่าเข้าไปได้ .......



ประเทศไทยเราเองก็ไม่รอเฉย ............. น.พ.ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย น.พ.สุรเชษฐ์ สถิตนิรามัย รักษาการ ผู้อำนวยการสำนักบริการการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ และ ภก.วันชัย ศุภจัตุรัส รองผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม (อภ.) พร้อมด้วย พล.อ.ท.มานิต สุพันธุพงษ์ รองเสนาธิการทหารอากาศ เดินทางไปอำนวยการจัดส่งยาและเวชภัณฑ์การแพทย์ ไปให้การช่วยเหลือประเทศพม่า ประกอบด้วย ยาชุดช่วยเหลือผู้ประสบภัย รวมน้ำหนัก 30 ตัน มูลค่ากว่า 5 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีเครื่องอุปโภคบริโภค เช่น ข้าวสาร อาหารแห้ง น้ำดื่มบรรจุขวด เสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่ม จากสภากาชาดไทย อีก 12 ตัน แถมด้วย บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) มอบเงินสนับสนุน 5 แสนดอลลาร์, บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) (ปตท.สผ.) มอบเงิน 2 แสนดอลลาร์ พร้อมน้ำมันดีเซล 1 แสนลิตร รวมทั้งวัสดุก่อสร้างและอุปกรณ์ต่างๆ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) มอบเงิน 2 แสนดอลลาร์ พร้อมส่งเจ้าหน้าที่วิศวกรไปช่วยกู้ระบบไฟฟ้าให้สามารถดำเนินการได้ตามปกติ รวมถึงช่วยเหลืออุปกรณ์ในการติดตั้งไฟฟ้า ฯลฯ
เห็นไหมคะ........แม้ว่าการขอวีซ่าเพื่อผ่านแดนเข้าไปในพม่านั้นจะยากลำบากแค่ไหน แต่น้ำใจของมวลมนุษย์นั้นที่ส่งไปถึงผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนยังไม่หยุดสิ้น......

วันจันทร์ที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

กลยุทธรับมือโลกร้อน



ขณะที่ผู้คนทั่วโลก กำลังตื่นตัวอย่างหนักถึงปัญหาภาวะโลกร้อนและเหล่าผู้นำโลกตั้งหน้าตั้งตาถกกันเครียดเพื่อหาทางรับมือกับวิกฤตการณ์ใหญ่จาก โกลบอล วอร์มมิ่ง คุณเชื่อหรือไม่คะว่า ด้วยกลเม็ดง่ายๆ และการปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิตเล็กๆ น้อยๆ ประชากรโลกธรรมดาๆอย่างพวกเรา ก็สามารถช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดภาวะ เรือนกระจกหรือกรีนเฮาส์ เอฟเฟกต์ ได้ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่านักวิทยาศาสตร์ผู้ปราดเปรื่อง!!

ในนิตยสารไทม์ฉบับล่าสุด วันที่ 9 เมษายน 2007 มีการนำเสนอ แนวทางการชะลอวิกฤตการณ์โลกร้อนฉบับประชาชน ไว้อย่างน่าสนใจหลายประการ เพื่อกระตุ้นจิตสำนึกรักษ์สิ่งแวดล้อมให้แพร่หลายไปทั่วโลกโดยแต่ละไอเดียเป็นเรื่องจับต้องได้ใกล้ๆตัว และสามารถนำไปปรับใช้ในชีวิตจริงไม่ยากจนเกินไป!!


ไอเดียแคนดูแรกในการพิทักษ์โลกให้รอดพ้นจากภาวะโลกร้อนคือ เปลี่ยนอาหารให้เป็นเชื้อเพลิง ในระยะหลายปีมานี้ นักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกทุ่มเทเวลาอย่างจริงจังให้กับการคิดค้น หาวิธีผลิตเชื้อเพลิงชีวภาพจากพืชพันธุ์ธรรมชาติ ไล่ตั้งแต่ ข้าวโพด, ถั่วเหลือง, น้ำมันหุงต้ม ไปจนถึงเศษขยะ เพื่อเป็นทางเลือกใหม่ทดแทนพลังงานจากน้ำมัน ซึ่งนับวันมีแต่จะร่อยหรอลงเรื่อยๆ!! เห็นได้ชัดจากความเคลื่อนไหวของกระทรวงพลังงานสหรัฐอเมริกาที่เพิ่มงบประมาณเป็นสองเท่า สำหรับการทำวิจัยคิดค้นเชื้อเพลิงชีวภาพโดยเฉพาะ และดูเหมือนว่าเชื้อเพลิงที่ผลิตจากข้าวโพดเป็นก๊าซอีธานอลจะมาแรงแซงทางโค้ง กว่าใครเพื่อน เพราะ ทั้งเซฟเงินในกระเป๋า และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในอนาคต เปลี่ยนหลอดไฟใหม่เป็นแบบประหยัด คือวิธีเซฟค่าไฟในบ้านที่ฮิตฮอตที่สุดของที่สุด แม้รูปร่างหน้าตาของหลอดไฟซีเอฟแอล ที่เรียกกันติดปากในบ้านเราว่าหลอดไฟตะเกียบ ออกจะแปลกตาสักหน่อย แต่ประสิทธิภาพไฮโซมาก!! เพราะช่วยประหยัดไฟได้มากกว่าหลอดไฟธรรมดาๆถึง 3-5 เท่า แถมยังมีอายุการใช้งานนานกว่าหลายเท่าตัว ปัจจุบันมีให้เลือกใช้มากมายหลายขนาด ทั้งหลอดไฟขนาด 26 วัตต์, 40 วัตต์ ไปจนถึง 100 วัตต์

จัดระเบียบการซักผ้าใหม่ ผลการศึกษาล่าสุดของสถาบันอุตสาหกรรมการผลิตมหาวิทยาลัยแคมบริดจ์ ค้นพบว่าขั้นตอนการซักผ้าและอบผ้าให้แห้ง กินพลังงานถึง 60% ของการผลิตเสื้อผ้าทั้งหมด และเสื้อยืดธรรมดาๆตัวหนึ่งก่อให้เกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เกือบ 4 กิโลกรัม!! คงไม่ถึงกับขอร้องคุณๆให้หยุดการซักผ้ารีดผ้าหรอกนะคะ!! แต่ถ้าอยากช่วยพิทักษ์โลกสีเขียวก็สามารถทำได้ง่ายๆด้วยการจัดระเบียบการซักผ้ารีดผ้าใหม่ เช่น เปลี่ยนจากการซักผ้าด้วยน้ำอุ่นเป็นน้ำเย็น หรือไม่ก็รวบรวมเสื้อผ้าให้ได้กองโตพอสมควรก่อน ค่อยนำไปซักทีเดียว อย่างบ้านเรา แดดเปรี้ยงแรงดีอยู่แล้วแค่นำเสื้อผ้าตากแดดตากลมให้แห้งตามธรรมชาติ ไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องอบผ้าให้กินไฟและทำลายสิ่งแวดล้อม จัดบ้านใหม่ให้สอดคล้องกับหลักธรรมชาติ
เชื่อหรือ ไม่คะว่า 16% ของพลังงานที่ใช้ภายในบ้านเรือนที่อยู่อาศัย เป็นตัวการก่อให้เกิดการแพร่กระจายก๊าซกรีนเฮาส์ในอเมริกา ฉะนั้น ลองหาเวลาว่างจัดบ้านใหม่ให้สอดคล้องกับหลักธรรมชาติและทิศทางลม แทนที่จะพึ่งเทคโนโลยีไฮเทคตลอดเวลา เพราะการใช้ชีวิตแบบเรียบง่ายโลว์เทคๆช่วยเซฟพลังงานในบ้านได้ถึง 40% ใส่เสื้อผ้ามือสองพิทักษ์โลก ในนิตยสารไทม์ฉบับล่าสุด ระบุไว้ว่าเสื้อผ้ามือสองเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากกว่าเสื้อผ้าใหม่ เพราะการซื้อเสื้อผ้ามือสองช่วยหลีกเลี่ยงการใช้พลังงานอย่างสิ้นเปลือง จากการผลิต และขนส่งอันเป็นสาเหตุให้เกิดการแพร่กระจายก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศ ยิ่งยุคนี้วินเทจ ลุคเป็นที่นิยมอยู่ด้วย ช่วยกันคนละนิดนะคะ ทั้งอินเทรนด์ แถมยังลดวิกฤติโลกร้อน!!

อีกหนึ่งวิธีเซฟ เดอะ เวิลด์ที่เวิร์กมากๆ เห็นจะเป็น การจัดสรรให้พนักงานทำงานใกล้บ้านที่สุด ฟาสต์ฟู้ดใหญ่ๆ ทั่วอเมริกานำวิธีนี้มาใช้อย่างได้ผล!! เพราะแทนที่หนุ่มสาวคนทำงานจะสูญเสียพลังงานจากการขับรถไกลๆมาทำงานในแต่ละวัน ทำไมเราไม่หาสาขาที่ทำงานใกล้บ้านให้แมตช์กับพนักงานละคะ!! หรือถ้าฟังดูยุ่งยากเกินไปก็อาจตั้งเป้าหมายไปเลยว่า ต่อไปนี้ฉันจะหางานทำเฉพาะทำเลที่อยู่ใกล้บ้านเท่านั้น!! ถ้าคุณเป็นนักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมตัวจริงละก็ ทิ้งบ้านหลังใหญ่แถบชานเมืองย้ายเข้ามาอยู่ในกรุงด่วนจี๋!! เพราะเมืองใหญ่ๆอย่างแมนฮัตตัน, โตเกียว หรือลอนดอน ถือเป็นโซนของพลเมืองโลกหัวใจสีเขียวขนานแท้!! ชาวกรุงน้อยคนนักจะขับรถไปทำงาน ส่วนใหญ่นิยมเดิน, ขี่จักรยาน หรือไม่ก็ใช้บริการขนส่งมวลชน ซึ่งรวดเร็วและเปี่ยมประสิทธิภาพมากกว่า!!



จ่ายบิลค่าใช้จ่ายทางอินเตอร์เน็ต การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมใหม่ หันมาจ่ายบิลค่าน้ำ ค่าไฟ ค่ามือถือ รวมถึงค่าใช้จ่ายอื่นๆ ผ่านทางอินเตอร์เน็ตจะช่วยกู้วิกฤติโลกร้อนได้ อย่างมโหฬาร!! อย่างน้อยๆก็ช่วยลดการใช้กระดาษซึ่งนำไปสู่การตัดไม้ ทำลายป่า แถมยังช่วยลดความสิ้นเปลืองพลังงานจากการขนส่งกระดาษทั้งทางเครื่องบิน และรถบรรทุก รู้ไหมคะว่าวิธีนี้นอกจากจะประหยัดเวลาและเงินในกระเป๋าของคุณเห็นๆแล้ว ยังช่วยลดปริมาณขยะลงถึงปีละ 1,450 ล้านตัน และจำกัดการแพร่กระจายของก๊าซกรีนเฮาส์ ปีละ 1.9 ล้านตัน เปิดหน้าต่างรับลมแทนการเปิดแอร์ วิธีนี้ง่ายและคนไทยคุ้นเคยกันดีผลการศึกษาของอเมริกาบ่งชี้ว่า 22.7 ตัน ของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่แพร่กระจายอยู่ในอากาศมาจากบ้านเรือนที่อยู่อาศัย ลองลดการใช้พลังงานและทำลายสิ่งแวดล้อมด้วยการเปิดหน้าต่างภายในบ้านเพื่อรับลมแทนที่จะเปิดแอร์ทั้งวันทั้งคืน เพราะลมธรรมชาติจากภายนอกจะทำให้อากาศภายในบ้านเย็นสบายขึ้นในช่วงฤดูร้อน และอุ่นขึ้นในช่วงฤดูหนาว ปิดคอมพิวเตอร์ทุกครั้งที่ไม่ได้ใช้ เรื่องนี้ควรรณรงค์ อย่างจริงจังในทุกออฟฟิศเพราะการเปิดคอมพิวเตอร์ทิ้งไว้ ไม่เพียงแต่จะเปลืองไฟ แต่ยังก่อให้เกิดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม นอกจากจะปิดทิ้งหลังใช้ เสร็จทุกครั้งแล้ว ผู้เชี่ยวชาญด้านการประหยัดพลังงานยังแนะนำว่า การปิดคอมพิวเตอร์, โทรทัศน์ และเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ โดยใช้ปุ่มสแตนด์บาย พาวเวอร์ กินไฟในบ้านแบบไม่รู้ตัวถึง 75%...ปุ่ม off เท่านั้นที่เราต้องการ!!

ปิดไฟทุกครั้งที่เสร็จงาน ไม่เฉพาะแต่ช่วงพักกลางวัน หรือหลังเลิกงานที่ควรรณรงค์เรื่องการปิดไฟในออฟฟิศ แต่บางออฟฟิศในเมืองใหญ่ๆยังขอความร่วมมือจากพนักงานให้ปิดไฟทุกครั้งที่ทำงานเสร็จแม้บรรยากาศในออฟฟิศอาจดูมืดๆทึมๆไปบ้าง แต่ก็ช่วยเซฟพลังงานได้อีกหลายเท่าตัว เรื่องประหยัดไฟต้องยกให้ \"สมเด็จพระบรมราชินีเอลิซาเบธที่สองแห่งอังกฤษ\" ทรงเป็นต้นแบบของโลก!! ทายสิคะว่า ระหว่างการขับรถ BMW กับการกินเบอร์เกอร์บิ๊กแมค อะไรก่อให้เกิดภาวะโลกร้อนหนักกว่ากัน!! คำตอบก็คือบิ๊กแมคค่ะ!!


จากรายงานของนิตยสารไทม์ระบุว่า อุตสาหกรรมผลิตเนื้อทั่วโลกก่อให้เกิดการแพร่กระจายก๊าซกรีนเฮาส์ในชั้นบรรยากาศมากถึง 18% เลิกบริโภคเนื้อสเต็ก เถอะนะคะ เพื่อให้ลูกหลานมีอากาศดีๆ ไว้หายใจในอนาคต!! ปฏิเสธถุงพลาสติกลูกเดียว!! ในแต่ละปีมีถุงพลาสติกถูกผลิตออกสู่ตลาดมากกว่า 50,000 ล้านถุง และมีเพียง 3% ของถุงพลาสติกที่นำไปรีไซเคิลกลับมาใช้ใหม่อีกครั้ง โดยถุงพลาสติกแต่ละใบต้องใช้เวลาถึงพันปีกว่าจะย่อยสลายหมดไปจากโลก!! ทางที่ดีช่วยกันรณรงค์งดใช้ถุงพลาสติกจะดีกว่า แล้วหันมาพกถุงผ้าส่วนตัวไปช็อปปิ้งตามซุปเปอร์มาร์เกตแทน!! ปลดเนกไท-ถอดสูททิ้ง บริษัทใหญ่ๆในญี่ปุ่นเป็นผู้ริเริ่มการประหยัดพลังงานแนวใหม่ ด้วยการไฟเขียวอนุญาตให้พนักงานใส่เสื้อเชิ้ตธรรมดาๆ โดยไม่ต้องสวมสูทและผูกเนกไทมาทำงานในช่วงฤดูร้อนตับแตก เพื่อประหยัดค่าแอร์!! ปรากฏว่าได้ผลมาก เพราะฤดูร้อนที่ผ่านมาพี่ยุ่นสามารถลดการแพร่กระจายก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศได้มากถึง 71,700 ตันWin Mektri (pop)ศูนย์ส่งเสริมการให้และการอาสาช่วยเหลือสังคม (ศกอส.)TRN, Volunteer Spirit


เราจะพยายามมีสติคิดดี เพื่อที่จะได้พูดดี และทำดี จนเป็นนิสัย

”http://www.thai60.com คำอวยพร :- คัดมาจาก http://www.budpage.com/forum/view.php?id=2943

How to stop the Global Warming!

While worldwide people alert at global arming and leader world set concentrates one's attention to pull out taut for seek the way copes with big crisis , from the elder brother, warm up the cherished possession.
Or not are you believe that is the trick is simple and changing format living is tiny world ordinary people type. As a result can help decrease the risk of condition occurrence glass house or the elephant laughs.
F be contused don't be inferior to a brilliant scientist, in free magazine is late on 9 April 2007 have the lead presents delay global warming keep interestingly the points for encourage the conscious takes care the environment extensively to the worldwide by each cough abundantly get into trouble can touch very close and induce apply in the real life not too poor.
Cough abundantly the reed organ sees first in protecting world. Get free from global arming is change the food to fuel in many distances year come to this worldwide scientist exert the time seriously give with the analysis seek the way produces biological fuel from the plant , nature , chase since , corn is the soybean , oil cooks , until garbage leavings , for new choice pays back the energy from oil , which , day by day have only wear away continually down !!
Obviously seen from the movement of energy.
The United States of America ministry , at enhance the budget is double for doing researches to invent biological fuel , especially , and look as if fuel that produce from corn is person who is horn gas will come to the power overtakes the curve more ? Both of money safe in a bag , and be friendly build , The environment will in the future change light new bulb is like to economize be safe electricity bill indoor way popular most of most , although , the countenance of a light bulb C F L at call prevent accustom to indoor us.
That light chopsticks bulb rather strange-looking little. But the efficiency is very thin ! ! , because , help economize the fire has more than light ordinary bulb arrives at 3-5 times , in addition still old the usability long more ago many times , now have choose use a lot of size , both of 26 light size religious routine bulbs 40 religious routine until 100 the religious organize new education investigation is late of manufacture industry institute , gunwale university , discover that , investigation cloth step and bake the cloth drily , eat the energy arrives at 60% of all clothes production and one ordinary T-shirt cause the carbon dioxide 4 almost a kilogram !! may not so as beg you all , give stop cloth investigation irons clothes please Yes!! , but , if want to help protect green world , as a result , can do simple with regulations arrangement washes to iron new clothes , such as , change from cloth investigation with the water warms cold fluently , or collect clothes can give a stack , moderately big before , softly induce wash , type house us , burning power good sunlight sure , only lead clothes suns to take the air drily as its nature may be , do not have to use the clothes dryers , give eat the fire and destroy the environment , very new house correspond harmic nation principle , believe that , 16% of the energy , at use indoor the residence , be formed causing spreading elephant gas , laugh in The United States of America , therefore try to seek free very house new time correspond dharmic nation principle , and wind direction , instead of depend on high-tech Technology all the time , because living like unambitiously pour help energy indoor safe has arrived at 40% add two hand clothes protects the world.
In free magazine is late specify keep that two hand clothes are friendly with the environment more than new clothes , because clothes buying two hand help to avoid using energy consumely from the production and the transportation , cause accident are born spreading carbon dioxide to the atmosphere extremely this age pours help each other a person vacates both of pour scurry in addition still decrease critical hot world !!
Again one safe way abundantly possibly be the arrangement culls to give an officer works near a house most. The fast food is big throughout The United States of America leads this way comes to use effectively !! Instead of diligent person teenager will lose the energy from car driving far comes to work on each day ? We don't seek office branch near a house gives with an officer vacates seem too complicated might aim this time I will look for a job. Especially location near a house only !!

If you are extremely conserve life-size environment then , abandon back big strip suburb house stay in the capital city most urgently !! , because round ton city Tokyo or London regard the zone of world heart green parallel genuine population !! A little city person people will extremely drive a car to work. The majority likes to walk and ride a bicycle or use serve the mass transportation. Which fast and fraught the efficiency more than pay expenses way internet bill.
Changing behaviour new turn to pay value water bill, electricity bill , cellphone value , include other expenses , change internet way will help borrow critical global warming at least help decrease using paper. Which bring about to wood slitting destroy the forest , in addition still help decrease energy wastage from paper both of shipping by plane and a truck this way will save time and money in your bag have seen already decrease garbage quantity down at vacate 1,450 million a ton and limit spreading of elephant gas laughs , year vacate 1.9 million a ton , open a window gains fresh air to replace openning air-conditioner. This easy way and acquainted Thai good the education of The United States of America indicate that 22.7 a tons of the carbon dioxide at spread stay in the air is from residence home try to decrease using energy and destroy the environment with openning window indoor for gains fresh air , instead of open the air-conditioner around the clock , because , nature wind from the outside will make indoor air is cool go up in summer period and warm go up during the winter close the computer when no use this should fight , seriously in every office because , openning computer abandons to keep not only consumed the fire , but cause the pollution. Unless will close abandon the back uses finished already everytime side expert energy saving still advise that closing computer, television, and the utensil, the electricity is other by use hornet button , take a litter , eat indoor fire likes to are unconscious arrive at 75%... a button off only at we want !! Turn off the light when finished the work , not only at noon , or the back quits the work should fight about turning off the light in an office , but office some in the city still begs for something cooperate from an officer turn off the light when work finished. Although, the atmosphere in an office might see to is come dark dim help energy safe times about economize the fire must give the His majesty smokes a queen chips to moderate second England ". Shape is a model worldly between car driving BMW with number mischievous doer breaks off ,cause more global arming. The answer is break off.
From a report of free magazine specify that the industry produces worldwide meat causes spreading gas. The elephant laughs in many atmospheres arrive at 18% quit to consume the meat descedants. There is good air keep breathe in the future. Deny plastic child one bag in each year. Have the plastic bag was produced go out in the market more than 50,000 million a bag and have just 3% of the plastic bag that induce oval the bamboo fish trap comes back to use new again by plastic. Each bag must take time to arrive at involve a wing that digest crumble disappear from the world !! Good way helps each other to fight cancel use the plastic bag will better. Already turn to carry cloth part bag goes to grill follow fiber plants soup comes to mischievous replace. Discharge free bird, take off the suit abandons.
Big company in Japan is saving energy originator , the line is new , with something the green light permits an officer adds ordinary shirt by not wearing the suit and bind free bird come to work during liver broken summer for economize air-conditioner value appear very effective , because the summer preceding an elder brother urges can decrease spreading carbon dioxide to the atmosphere arrive at 71,700 a ton.

วันอาทิตย์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2551

"Freedom Writers" The "MUST-SEE" Movie for "Human"

สวัสดีค่ะทุกคน ^__^


วันนี้เวบบลอคของเรา จะขอเปลี่ยนบรรยากาศจากการวิเคราะห์วิจารณ์ปัญหาหนักๆ มาเป็นหัวข้อของการวิจารณ์หนัง ที่มีข้อความเขียนติดไว้หลังปกเลยว่า เป็น “Must-see Movie” อย่างหนังเรื่อง Freedom Writers นะคะ รับรองว่าหลังจากที่ได้อ่านบทวิจารณ์เรียกน้ำย่อยของผู้เขียนแล้ว คุณผู้อ่านทุกท่านที่ยังไม่มีโอกาสได้ดู คงจะต้องอยากไปหามาดูสักรอบเพื่อเปิดมุมมองโลกของคุณใหม่อย่างแน่นอนค่ะ (ยิ้ม)


Freedom Writers เป็นหนังฮอลลีวูดที่สร้างมาจากไดอารี่จริงๆ ของนักเรียนกลุ่มหนึ่งที่ตกเป็นเหยื่อของการเหยียดสีผิวและชาติพันธ์ และสงครามระหว่างแก๊งโดยที่ไม่รู้สาเหตุ อันเป็นเหตุให้เอริน (รับบทโดยฮิลลาลี่ สแวงค์ นักแสดงหญิงรางวัลออสการ์) ครูสาวผู้เต็มเปี่ยมไปด้วยอุดมการณ์ต้องเข้ามาช่วยเหลือนักเรียนของเธอให้รอดพ้นจาก “สงครามระหว่างชาติพันธุ์” นี้ไปให้ได้
หนังเริ่มต้นด้วยการฉายภาพความรุนแรงในเมืองลองบีช ลอสแองเจลิส ซึ่งเป็นหนึ่งในเมืองที่มีผู้คนหลากหลายชาติพันธุ์อยู่รวมกันเมืองหนึ่งในสหรัฐอเมริกา ก่อนจะเผยให้เราได้เห็นบรรยากาศในโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งที่มองโดยผิวเผินแล้วดูจะสงบสุขและแสนจะธรรมดา แต่เมื่อครูสาวอย่างเอรินเข้ามาปรับเปลี่ยนที่นั่งในห้องเรียนเท่านั้น สงครามระหว่างแก๊งก็พร้อมจะเกิดขึ้นได้โดยทันที เพราะภายใต้ความธรรมดาที่ปกคลุมอยู่นั้น ภายในเต็มไปด้วยความขัดแข้งที่เกิดขึ้นตั้งแต่ในอดีต แล้วถูกสั่งสอนต่อๆกันมาด้วยสิ่งที่เรียกว่า”หน้าที่” และ “ศักดิ์ศรี”ของกลุ่มคนแต่ละชาติพันธ์ ครูเอรินจึงพยายามหาทุกวิถีทางเพื่อปลดปล่อยเด็กนักเรียนของเธอให้หลุดพ้นจากความทรมานทั้งทางความคิดและการกระทำที่ถูกปลูกฝังมาอย่างผิดๆโดยคนรุ่นก่อน
เอรินเสนอให้นักเรียนของเธอจดบันทึกประจำวันการดำเนินชีวิตของพวกเขาที่คิดว่าสามารถให้เธออ่านได้ แล้วเด็กนักเรียนคนไหนที่พร้อม ที่จะเปิดใจรับความช่วยเหลือจากเธอ ก็ให้นำบันทึกนั้นมาใส่ในล็อกเกอร์ที่ห้องเรียน ปรากฏว่าหลังจากที่นักเรียนของเธอได้ระบายสิ่งที่อัดอั้นตันใจที่ไม่สามารถพูดคุยกับใครได้ลงในไดอารี่แล้ว พวกเขาก็เปิดใจรับโลกภายนอกมากขึ้น และพร้อมที่จะทำทุกอย่างเพื่อเปลี่ยนแปลงตัวเอง...












Freedom Writers Trailer


โดยส่วนตัวแล้วก่อนที่ผู้เขียนจะได้ดูหนังเรื่องนี้ เคยคิดว่าปัญหาการเหยียดสีผิวหรือชาติพันธุ์นั้นหมดไปแล้ว จากฉากหน้าที่หลายๆฝ่ายพากันแสร้งทำผ่านสื่อหลากหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นการใช้นักแสดงผิวสีหรือนักแสดงเอเชีย ร่วมแสดงกับนักแสดงผิวขาวทั่วไปอย่างที่หนังฮอลลีวูดทุกเรื่องทำ หรือจะเป็นการเลือกตั้งระดับประเทศที่มีทั้งผู้หญิงและคนผิวสีลงสมัครแข่งกันอย่างสูสี แต่เมื่อหนังเรื่องนี้ตีแผ่ด้านมืดของสังคมที่หลอกตาว่าเจริญแล้วกลายเป็นไร้มนุษยธรรมและป่าเถื่อนไม่ต่างจากพวกเผด็จการ ก็ทำให้ผู้เขียนคิดได้ว่า ภายในจิตใต้สำนึกเราลึกๆแล้ว ไม่มากก็น้อยทุกๆคนย่อมมีความรู้สึกดูถูกหรือเดียจฉันท์ ชาติพันธุ์ที่เราคิดว่าด้อยกว่ากันทั้งนั้น อย่าว่าอื่นไกลเลยค่ะ อย่างเราเองเวลาที่เห็นใครแต่งตัวล้าสมัย หรือครอบครองทรัพย์สินอะไรที่ดูคร่ำครึหน่อย เราก็ซุบซิบนินทากันอย่างสนุกสนานว่า คนนั้น คนนี้ “ล_ว” ไปซะอย่างนั้น ทั้งๆที่หากคนชาติเค้ามาได้ยินคงจะรู้สึกเจ็บแค้นอยู่ไม่น้อย แล้วยังมีอีกกรณีหนึ่งที่ผู้เขียนอ่านเจอมากับสองตาตัวเอง นานมากแล้ว แต่ยังคงจำฝังใจมาจนถึงทุกวันนี้ คิดว่าน่าจะเป็นหัวข้อสัมภาษณ์ชาวต่างชาติว่าคิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับเมืองไทย นักท่องเที่ยวคนหนึงที่เลือกใช้วันหยุดยาวของเขาด้วยการมาเที่ยวเมืองไทยบอกว่า “ก่อนหน้าที่จะมาประเทศไทย เขาคิดว่าบ้านเมืองเรายังใช้ช้างเป็นพาหนะ แล้วก็มีแต่หญิงโสเภณีเท่านั้น!” โอย เอาสิคะ ผู้เขียนได้อ่านแล้วจะเป็นลม จากนั้นเลยเขย็ดขยาดฝรั่งอยู่พักใหญ่เลยค่ะ พอมาตอนนี้ผู้เขียนมีโอกาสได้บอกเล่าสิ่งที่คิดว่าหลายคนมองว่าเป็นเรื่องไม่ร้ายแรงอะไรมาบอกเล่าในมุมมองของผู้เขียน ผ่านทางหนังที่ผู้เขียนคิดว่าเป็นสื่อที่ทำให้เราได้เรียนรู้โลกได้ดีที่สุดสื่อหนึ่งแล้วยังไม่เป็นการเคร่งเครียดหรือจริงจังมากเกินไป ในยุคที่การใช้ชีวิตก็ลำบากมากพออยู่แล้ว ผู้เขียนคิดว่าคงจะจุดประกายในใจหลายๆคนได้ไม่มากก็น้อยในเรื่องของการเปลี่ยนมุมมองการเหยียดผิวเหยียดเชื้อชาตินะคะ หากผู้อ่านทุกคนได้อ่านบทความนี้ หรือดูหนังเรื่องนี้แล้วได้กลับมาคิดทบทวนตัวเองบ้าง เปลี่ยนความคิดที่มีต่อคนต่างชาติต่างเผ่าพันธุ์บ้างก็นับว่าดีไม่น้อยแล้วล่ะค่ะ


อย่างน้อยถ้าคิดซะว่าจะโกรธจะเกลียดกันไปทำไม ตายจากกันไปก็ไม่ได้เจอกันแล้ว เพราะฉะนั้นตอนที่มีโอกาสยืนอยู่บนโลกใบนี้ด้วยกัน ก็รักกันเข้าไว้ ก่อนที่จะไปนอนให้ผืนดินกลบหน้าแล้วมานั่งคร่ำครวญว่า “น่าจะทำดีต่อกันให้มากกว่านี้” จะเป็นเรื่องดีมากกว่านะคะ




วันอาทิตย์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2551

ปัญหาเศรษฐกิจแลการเมืองที่รัฐควรแก้ไขอย่างเร่งด่วน



ทุกวันนี้ ปัญหาเศรษฐกิจและ ปัญหาการเมืองที่รัฐบาลกำลังเผชิญอยู่นั้น ได้ก่อให้เกิดผลกระทบต่างๆต่อประชาชนทั้งประเทศ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเงินเฟ้อ ราคาน้ำมันที่สูงขึ้นอย่างรวดเร็ว รวมถึงการคิดแก้ไขรัฐธรรมนูญ ปี2550 ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้กับประชาชนหลายกลุ่ม จึงก่อให้เกิดการประท้วงในจุดต่างๆของประเทศ


ในประเด็นแรก เราจะกล่าวถึงปัญหาทางด้านเศรษฐกิจของประเทศไทย ซึ่งกำลังกลายเป็นปัญหาใหญ่ ที่รัฐบาลไม่สามารถหาทางแก้ไขได้ ได้แก่ ปัญหาเงินเฟ้อ ที่สูงถึง 8.7% ทำให้ราคาสินค้าสูงขึ้น ค่าครองชีพสูงขึ้น ปัญหานี้นอกจากจะเกิดกับประชาชนทั่วไปแล้ว ปัญหาเงินเฟ้อยังส่งผลกระทบต่อบริษัทผู้ผลิตสินค้าเหล่านั้นด้วย เพราะมีนโยบายเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก ทำให้ดอกเบี้ยเงินกู้สูงขึ้นไปด้วย ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น บริษัทมีรายได้น้อยลง ซึ่งหลายแห่งต้องยอมปิดตัวลง และหลายแห่งอาจต้องปลดพนักงานบางส่วนออก เป็นเหตุให้เกิดภาวะการว่างงานเพิ่มขึ้น และอาจส่งผลถึงแนวโน้มการก่ออาชญากรรมที่สูงขึ้นอีกด้วย

ประเด็นต่อมาที่จะกล่าวถึง คือ ปัญหาการเมือง ปัญหาความขัดแย้งในฝ่ายรัฐบาล และปัญหาระหว่างรัฐบาลกับกลุ่มพันธมิตร ซึ่งกำลังกลายเป็นปัญหาใหญ่ที่ทั่วโลกกำลังจับตามอง ว่ารัฐบาลจะแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นมาได้อย่างไร และได้ผลแค่ไหน
จากปัญหาดังกล่าว ในความคิดส่วนตัวนั้น การทำงานของรัฐบาลยังมีปัญหาในหลายจุดและยังไม่เป็นที่พอใจของใครอีกหลายๆคน จึงก่อให้เกิดการประท้วง หรือก่อม็อค ตามมาอย่างมากมายในหลายจังหวัด ไม่ว่าจะเป๋น กลุ่มพันธมิตร กลุ่มชาวนา และอื่นๆ เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น แต่ดูเหมือนว่ากลับไม่กระตืนรือร้นที่จะแก้ไขปัญหาเหล่านี้ซะเท่าไหร่ อาจเป็นเพราะอยากจะแก้ไขปัญหารัฐธรรมนูญเพียงแต่อย่างเดียว ซึ่งหลายฝ่ายกำลังจับตามองว่า รัฐบาลต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่ออะไร และเพื่อใคร ทำให้ปัญหาปากท้องของประชาชนถูกเพิกเฉยไม่ได้รับการสนใจเท่าที่ควร ตัวอย่างเช่น ปัญหาราคาข้าว ที่คนไทยกำลังเผชิญอยู่ มีราคาสูงเกินไป ทั้งๆที่ประเทศของเราสามารถผลิตข้าวเองได้ มีพื้นที่ปลูกอย่างมหาศาล และนี่จึงเป็นคำถามสำหรับใครหลายๆคนว่า คนไทยกำลังกินข้าวของตนเองในราคาที่สูงเกินไปหรือเปล่า

แม้ว่ารัฐบาลจะมีมาตรการแก้ไขปัญหาต่างๆออกมา แต่เป็นนโยบายที่แก้ไขปัญหาในระยะสั้นเท่านั้น ขาดการวางแผนการแก้ไขปัญหาในระยะยาว ซึ่งก็คงต้องคอยดูต่อไปว่ารัฐบาลจะมีนโยบายใหม่ๆอะไรออกมา เพื่อแก้ไขไปในทางที่ดีขึ้นหรือไม่ และจะไปในทิศทางไหน



(กรุณาใช้คำสุภาพในการแสดงความคิดเห็นนะคะ)

Government should resolve the economical and political suddenly!

Nowadays, the economic and political problems, which the government is facing, impact to Thais such as increasing inflation and oil price rapidly, including editing the constitution 2007. Their problems have made Thais feel dissatisfied to protest the government in some places of Thailand.

In first point, we want to say about the economic problem of Thailand which become to the big problem such as inflation rate increasing 8.7% that make the price of goods and the living cost is increased, besides this problem has impacted to the entrepreneur s. Cause of the policy of increased deposit interest rate, and also the loan interest rate is increased. This policy has effect to the cost of production is higher. The entrepreneurs have income less. And some of them must lay off their some employees and may close down their business. Result in the unemployment rate will increase and the crime problem is higher.

And the next point, it is the political problem which are the conflict of government problem and the conflict between the government and the people’s alliance democracy (PAD). And then it becomes to a big problem and everyone around the world is catching how the government will resolve these problems.



As mentioned above we think that the administration of government still has many problems and people are unsatisfied with them. So people in many parts of Thailand have formed a group to protest the government such as the PAD , the Farmer mob and so on . They have called for the government to resolve their problem. It seems to be not enthusiastic to problems. It is like to edit the constitution only, so many groups are catching that the government wants to edit the constitution for what and for whom. It makes people have a trouble. For example the rice price problem which Thais are facing has overpriced. Though our country can produce much rice and has large area to grow rice. This is the question for some people that Thais are consuming our rice price is too high?

Although the government will have policies to resolve many problems, the policies can solve in short term and lack of good planning in long term. We have to keep looking for the new government’s policy will be going to which way, better or worse?




(Please use polite words for your comment.)